August 19, 2019

ถึงน้อง ๆ วัยมัธยม ว่าด้วยการพัฒนาอนาคตของน้อง ๆ

พี่จะมาบอกถึงน้อง ๆ ม.ต้น และ ม.4 และ ม.5 ทั้งหลายแหล่ ว่าด้วยเรื่อง :

"การพัฒนาอนาคตของน้อง ๆ"

ว่าช่วง ม.1-4

เป็นช่วงที่ควรจะ ค่อย ๆ ทยอยเก็บหอมออมริบ เตรียมตัวว่างแผนอนาคตของน้องเอง
เรียกได้ว่าเป็นช่วงปูพื้นฐานก่อนช่วงจริงจังและแน่วแน่ (คือช่วงอยู่ ม.5-6)

สำหรับ ม.1-2

นั้นไม่จำเป็นต้องจริงจังหรือเคร่ง หรือจะทำตัวสบายตามวัยเหมือนเด็กนักเรียนคนอื่นไปเลยก็ได้
เพราะยังเป็นวัยชอบสะสมความสุขสนุกสนานไร้เดียงสาตามวัยเด็กที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยรุ่น
แต่ก็ควรเริ่มทยอยทำไปเรื่อย ๆ โดยอย่างต่ำคือทำไปเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามความเหมาะสมและเวลาที่มีเยอะมากของน้องในช่วงนี้
และอาจหยุดพักได้แต่อย่านานจนเกินไป (ภายในสัปดาห์คือให้ได้แล้วอย่างน้อย 1 งาน)

แต่เมื่ออยู่ในช่วง ม.3-4 แล้ว

ก็ควรจะเริ่มตระหนักและเริ่มจริงจังได้แล้ว
ไม่ต้องเคร่งให้มากมายแต่ขอให้มากกว่าเมื่อก่อน โดยให้เมินเฉยให้น้อยลงตามความเหมาะสมและเวลาที่เริ่มเหือดหายไป แต่ถ้าเป็นไปได้เคร่งมากได้ก็เคร่ง
ทั้งนี้ ที่พี่บอกแบบนี้ เพราะเมื่อขึ้น ม.5 จะเป็นช่วงที่ไม่ควรจะไม่เมินเฉยและต้องเคร่งมากกันเลยทีเดียว

และเมื่อได้ขึ้น ม.5 แล้ว

ให้นำสิ่งที่ได้ริทำมาเมื่อก่อนมาคิดต่อและสานต่ออย่างจริงจังทันที และบอกตัวเองว่าจะไม่เมินเฉยเหมือนสองช่วงก่อนแล้ว (คนที่เตรียมตัวมาดีจะไม่ค่อยเครียด แต่แค่เหนื่อยหน่อย ๆ)

ถ้าไม่สนใจอนาคตตนเอง

หรือถ้าใครอยากเครียด อยากเผชิญหน้า กล้าท้าลอง กล่าวคือไม่ต้องเตรียมตัว ลุยไปเลย จะเกิดอะไรก็ให้มันเกิดมันเป็นไป ได้แค่ไหนได้แค่นั้น
ก็ไม่จำเป็นต้องทำตามที่พี่ได้บอกไปนะ
แค่อนาคตของน้องจะเป็นได้แค่ตามมีตามเกิดก็เท่านั้น
ซึ่งถ้าไม่ห่วงกังวลเรื่องนี้ สิ่งที่พี่ได้บอกก็คงจะไม่จำเป็นเท่าไหร่

ถ้าคิดจะกลับใจ

แต่ถ้าไม่อยากให้มันเป็นแบบที่พี่ได้กล่าวไปข้างบน หรือเพราะได้รู้ว่า มันเป็นสิ่งที่เหมาะสมและไม่เสียเวลาทำกิจกรรมส่วนตัวอะไรมาก
พี่ก็แนะนำอย่างยิ่งให้ทำนะ เพราะไม่มีใครอาสาทำให้ นอกจากตัวน้องเอง

แนะนำบางอย่าง

ซึ่งถ้าค่อยไปเริ่มทำทีหลังแบบผัดวันประกันพรุ่ง หรือเมินเฉยบ่อย ๆ อาจจะเป็นการเพิ่มความเครียดและความกดดันต่อตัวน้องในอนาคต ซึ่งจะเพิ่มมากขึ้นตามเวลาที่ค่อย ๆ ผ่านไปกับสิ่งอื่น ๆ แทนที่จะเป็นเวลาพัฒนาอนาคตของน้องเอง
จากที่ได้กล่าวไป ถ้าไม่อยากเครียดหรือโดนกดดันมากเกินไป ก็จงเริ่มทำเริ่มใส่ใจอนาคตของน้องได้แล้ว และจัดการเวลาต่อ ความบันเทิงใจ กิจกรรมต่าง ๆ งานอดิเรก และการเรียนกับอนาคต ให้ดี ๆ นะ มันสำคัญมาก
เพราะการจัดการเวลาเนี่ยแหละ ที่เป็นปัจจัยที่สามารถตัดสินและเปลี่ยนแปลงอนาคตของน้องได้เลยเหมือนกัน...

สรุป

สุดท้ายนี้ อยากจะสรุปสิ่งที่พี่ได้กล่าวไปสั้น ๆ ว่า
" เริ่มใส่ใจอนาคตของน้อง ๆ ตั้งแต่ตอนนี้จะดีกว่านะ ทยอยทำไปเรื่อย ๆ ตามเวลาและความเหมาะสม จัดการเวลาให้ดี ๆ อย่าเมินกับอนาคตของน้องมากไปกับสิ่งอื่น ๆ จนเกินไป น้องจะได้รู้สึกว่าใช้ชีวิตคุ้มและไม่ค่อยเครียดหรือโดนกดดันมากเกินไป "